เอกสารวิเคราะห์สถานการณ์ยุทธศาสตร์และความมั่นคง ฉบับที่ 19/61 (1 - 15 ก.ค.61)
๑. รัสเซียฉลองวันแห่งชัยชนะในสงครามโลกครั้งที่ ๒ (Victory Day) อย่างยิ่งใหญ่ โดยจัดพิธีสวนสนามที่จัตุรัสแดง กรุงมอสโก พร้อมขนยุทโธปกรณ์ทันสมัยทั้งเครื่องบินรบ รถถัง และขีปนาวุธ จำนวนมากเข้าร่วม เพื่อแสดงแสนยานุภาพของกองทัพอวดสายตาชาวโลก พิธีสวนสนามจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ในวันที่ ๙ พ.ค.ของทุกปี ตั้งแต่ปี ๑๙๙๖ ณ จัตุรัสแดงกลางกรุงมอสโก เพื่อเฉลิมฉลองวันแห่งชัยชนะที่กองทัพโซเวียตมีชัยเหนือกองทัพนาซีในสงครามโลกครั้งที่ ๒ ในปี ๑๙๔๕ ที่มีชาวโซเวียตเสียชีวิตมากถึง ๒๖.๖ ล้านคน
๒. ความพิเศษของการสวนสนามในครั้งนี้ นอกจากเป็นการเสริมอำนาจความยิ่งใหญ่ของผู้นำรัสเซียอย่างปูตินแล้ว ยังส่อนัยยะภาพของความก้าวหน้าเทคโนโลยีทางทหารที่ล้ำสมัย และความพร้อมของเขี้ยวเล็บหมีขาวที่จะสร้างความเจ็บปวดให้แก่ปฏิปักษ์ได้หากมีการใช้กำลังทางทหารในการแก้ปัญหากรณีพิพาท อีกหนึ่งความพิเศษของการสวนสนามปีนี้ยังอยู่ที่การปรากฏตัวของนายกรัฐมนตรี เบนจามิน เนทันยาฮู แห่งอิสราเอล ซึ่งเป็นแขกพิเศษที่เดินทางมาชมขบวนพาเหรดของกองทัพรัสเซีย เพราะรัสเซียกับอิสราเอลมีความสัมพันธ์ที่ซับซ้อน เนื่องจากรัสเซียเป็นพันธมิตรกับทั้งอิสราเอลและอิหร่าน แต่ในขณะเดียวกัน อิหร่านกับอิสราเอลกลับเป็นศัตรูคู่อาฆาตที่บาดหมางกันมาช้านาน การเยือนของเนทันยาฮูยังมีขึ้นในช่วงที่ข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่านกำลังส่อเค้าล่มทุกขณะ เนื่องจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ประกาศถอนตัวจากข้อตกลงฯ เพราะเห็นว่าเงื่อนไขที่อิหร่านรับปาก ๖ ชาติมหาอำนาจ เพื่อแลกกับการไม่ถูกคว่ำบาตรเมื่อปี ๒๐๑๕ นั้นมีข้อบกพร่องมากมาย
๓. ประเทศไทยและกองทัพ จึงควรจะต้องจับตาดูสถานการณ์ดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง เพื่อเตรียมมาตรการรองรับพร้อมกำหนดจุดยืนและสร้างความสัมพันธ์กับประเทศอื่นๆ รวมถึง การวางตัวกับประเทศต่างๆ ที่อยู่ในสถานการณ์ดังกล่าวอย่างเหมาะสม ในส่วนของกองทัพไทยเนื่องจากไทยและรัสเซียมีความสัมพันธ์มาอย่างยาวนาน ๑๒๐ ปี มีความก้าวหน้าในด้านความร่วมมือต่อกันที่เป็นประโยชน์ในหลายเรื่อง เช่น ด้านการแลกเปลี่ยนการเยือน การฝึก การศึกษา และอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ ซึ่งความร่วมมือระหว่างกองทัพของ ๒ ประเทศเป็นรากฐานที่สำคัญในการยกระดับความสัมพันธ์และความร่วมมือระหว่างกองทัพต่อไปในอนาคต