การบริหารจัดการนํ้าของจีน ในลุ่มแม่นํ้าโขง : ผลกระทบต่อความมั่นคง ของอาเซียนและไทย

การประชุมเชิงสัมมนาทางวิชาการศูนย์อาเซียนศึกษา (ศอศ.) ครั้งที่ 1/2567 เรื่อง “การบริหารจัดการน้ำของจีนในลุ่มแม่น้ำโขง : ผลกระทบต่อความมั่นคงของอาเซียนและไทย” ระหว่างวันที่ 3-5 ม.ค. 67 ณ ห้องประชุมศูนย์นวัตกรรม สปท. และ รร.ราชาบุระ จว.ร.บ. 

แม่น้ำโขงมีความสำคัญในทางภูมิรัฐศาสตร์ แม่น้ำสายใหญ่แห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สายน้ำแห่งความหลากหลายทางชีวภาพมากที่สุด เชื่อมต่อมหาสมุทรอินเดียกับมหาสมุทรแปซิฟิกเข้าด้วยกัน นับเป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์เชื่อมต่อสำคัญ ซึ่งไม่เพียงสำคัญต่อประเทศในภูมิภาคฯ แต่ยังรวมถึงประเทศอื่น ๆ ที่ต้องพึ่งพาโครงข่ายเพื่อเดินทางและขนส่งสินค้า ทรัพยากรมหาศาลบริเวณโดยรอบแม่น้ำโขงได้ดึงดูดประเทศต่าง ๆ ให้เข้ามาลงทุนและพัฒนาพื้นที่ ครอบคลุมไปทั้งมิติด้านเศรษฐกิจ การเมือง และสังคม กระแสการเปลี่ยนแปลงของโลกที่ดำเนินไป ส่งผลให้การพัฒนาลุ่มน้ำโขงมีความซับซ้อนและท้าทายมากขึ้น เกิดการหลั่งไหลเข้ามาของหลายชาติมหาอำนาจ ประเทศสมาชิกในภูมิภาครวมถึงประเทศไทยในฐานะเป็นข้อต่อสำคัญที่เชื่อมโยงการดำเนินความร่วมมือ กรอบความร่วมมือมากมายเกิดขึ้นในแม่น้ำโขง เม็ดเงินมหาศาลจากการลงทุน และเปลี่ยนให้แม่น้ำโขงกลายเป็นพื้นที่สำคัญของเหล่าประเทศมหาอำนาจ ทั้งสหรัฐฯ และจีน รวมถึงมหาอำนาจขนาดกลาง อาทิ อินเดีย เกาหลีใต้ และญี่ปุ่น ที่ได้เข้ามาขยายความร่วมมือและมีปฏิสัมพันธ์อย่างต่อเนื่อง ทั้งในระดับทวิภาคีและอนุภูมิภาค ผ่านการสนับสนุนช่วยเหลือและให้ความร่วมมือ ด้านความมั่นคง ด้านการทหาร เศรษฐกิจ สังคม รวมไปถึงด้านการลงทุนการพัฒนา โครงสร้างพื้นฐาน และการสนับสนุนเงินในลักษณะกองทุนเพื่อดำเนินการพัฒนาแม่น้ำโขง

การดำเนินยุทธศาสตร์ของประเทศมหาอำนาจ อาทิ บทบาทของจีนในการขยายอิทธิพลในการสร้างการเชื่อมโยงและขยายอิทธิพลทางเศรษฐกิจ การลงทุนเป็นจำนวนมากในประเทศลุ่มแม่น้ำโขง ประสบความสำเร็จในด้านการส่งออกเทคโนโลยีระบบรางให้กับลาวและไทย โดยในทางกลับกันประเทศลุ่มแม่น้ำโขง เช่น พม่า ไทย และกัมพูชา มีจีนเป็นคู่ค้าใหญ่อันดับหนึ่ง  รวมถึงการสร้างเขื่อนของจีนได้สร้างปัญหาให้ประเทศที่อยู่ปลายน้ำไม่น้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งโครงการสร้างเขื่อนเพื่อผลิตกระแสไฟฟ้าก่อให้เกิดผลกระทบด้านนิเวศวิทยาและสิ่งแวดล้อมอย่างมากต่อความมั่นคงในบริเวณแม่น้ำโขง และจีนยังได้สร้างเขื่อนกว่า 11 แห่งบนแม่น้ำโขงตอนล่าง ในไทย เมียนมา ลาว กัมพูชา และปลายทางก่อนแม่น้ำโขงไหลสู่ทะเลในเวียดนาม ขณะที่มีการถกเถียงกันเกี่ยวกับขอบเขตที่เขื่อนของจีนมีส่วนทำให้เกิดภัยแล้งบริเวณปลายน้ำในระดับล่างของประเทศลุ่มน้ำโขง เขื่อนบนแม่น้ำโขงในจีนสามารถควบคุมระดับน้ำ ส่งผลกระทบให้ระดับน้ำในแม่น้ำโขงท้ายน้ำบริเวณพรมแดนไทย- ลาว ผันผวนขึ้นลงไปตามการใช้งานของเขื่อนผลิตไฟฟ้าในจีนการใช้ประโยชน์จากแม่น้ำโขงของจีนจึงส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิตความเป็นอยู่ ระดับน้ำ ความอุดมสมบูรณ์ของสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรทางน้ำของประเทศปลายน้ำ โดยเฉพาะไทย กัมพูชา และเวียดนาม ซึ่งประเทศเหล่านี้มักแสดงความกังวลกับฝ่ายจีนและขอความร่วมมือให้จีนแบ่งปันข้อมูลน้ำอย่างสม่ำเสมอเพื่อประโยชน์ต่อการบริหารจัดการน้ำของประเทศปลายน้ำขณะที่ส่งเสริมให้มหาอำนาจอื่น ๆ เข้ามามีปฏิสัมพันธ์และร่วมมืออย่างสร้างสรรค์ในอนุภูมิภาค เพื่อลดการพึ่งพาจีน โดยเฉพาะการส่งเสริมความร่วมมือภายใต้กรอบยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจอิรวดี-เจ้าพระยา-แม่โขง (Ayeyawady-Chao Phraya-Mekong Economic Cooperation Strategy: ACMECS) และกรอบความร่วมมืออนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง (Greater Mekong Sub-region: GMS) ข้อกังวลซึ่งแต่ละประเทศในภูมิภาคต่างมีนโยบายและท่าทีในการมีปฏิสัมพันธ์และความร่วมมือกับประเทศมหาอำนาจแตกต่างกันออกไป เนื่องจากทุก ๆ ความเคลื่อนไหวของประเทศมหาอำนาจที่เข้ามาล้วนส่งผลต่อความมั่นคงโดยรวมต่อภูมิภาคอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ 

ขณะที่มีความมุ่งหวังถึงประโยชน์ต่อการพัฒนาแม่น้ำโขงแล้วนั้น ประเทศต่าง ๆ ในภูมิภาคต่างมีข้อกังวลถึงการแข่งขันกันระหว่างประเทศมหาอำนาจ อาทิ สหรัฐฯ และจีน อย่างไรก็ตาม ประเด็นที่ถูกจับตา คือ เรื่องการบริหารจัดการน้ำ การสร้างเขื่อนจำนวนมากบริเวณต้นทางของแม่น้ำโขงได้ส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศ และระดับน้ำทั้งลุ่มน้ำโขงตอนปลายที่ไหลผ่าน 5 ประเทศ ในภูมิภาคฯ โดยที่ผ่านมาไทยได้ผลักดันดันให้เกิดการทำงานร่วมกันของกรอบความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้าง และคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง (Mekong River Commission: MRC) ต่อยอดจากที่จีนให้ข้อมูลระดับน้ำบริเวณท้ายเขื่อนจิ่งหงมาโดยตลอด เพื่อส่งเสริมการจัดการน้ำและพัฒนาลุ่มน้ำโขงอย่างยั่งยืน มีการหารือแลกเปลี่ยนข้อมูลอุทกศาสตร์ รวมถึงความเป็นไปได้ในทำการศึกษาการบริหารจัดการตะกอนของแม่น้ำโขง เพราะหากเมื่อทุกส่วนทำงานโดยอ้างอิงจากข้อมูลชุดเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องระดับน้ำหรือปัญหาระบบนิเวศ ทุกฝ่ายจะสามารถเข้าใจตรงกันและหาหนทางแก้ไขปัญหา หรือบรรเทาปัญหาได้อย่างสร้างสรรค์และตอบโจทย์ความเป็นอยู่ของประชาชน และจะถือเป็นพัฒนาการของการเกิดความร่วมมือที่ดี

ประเทศต่าง ๆ ในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขงได้ตระหนักถึงความสำคัญของการขยายอิทธิพลของจีน และความเสี่ยงที่อาจเกิดผูกขาดทางเศรษฐกิจ เช่น ด้านพลังงาน โครงสร้างพื้นฐาน ระบบโลจิสติกส์การขนส่ง  และการกระจายสินค้า ขณะเดียวกันก็คาดหวังให้ประเทศมหาอำนาจ และพันธมิตรมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางเศรษฐกิจในอนุภูมิภาคด้วยเช่นกันการหารือผ่านองค์กรความร่วมมือต่าง ๆ ผ่านสิ่งที่แม่น้ำโขงกำลังเผชิญ เพื่อรักษาสิ่งแวดล้อมในระยะยาว และคาดหวังให้เหล่าประเทศมหาอำนาจและพันธมิตรได้มีส่วนร่วมกับกิจกรรมในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง ผ่านกรอบความร่วมมือ ซึ่งแม้จะมุ่งเน้นไปที่ภาพกว้างในการสร้างความเชื่อมโยง (Connectivity) เหมือนกัน  แต่ประเทศผู้ขับเคลื่อนต่างก็มีศักยภาพในมิติที่แตกต่างกัน หน้าที่ของเราคือ วิเคราะห์ว่าจะใช้ประโยชน์สูงสุดจากกรอบความร่วมมือนั้น ๆ อย่างไร โดยสามารถทำให้ไทยและประเทศในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขงต่างรับประโยชน์ร่วมกัน ทุกความร่วมมือในระดับอนุภูมิภาคเกิดขึ้นนั้น เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่แสดงให้เห็นถึงการแข่งขันที่เพิ่มมากขึ้น ในฐานะที่ประเทศต่าง ๆ เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของการขับเคลื่อนเพื่อ “ปรับสมดุล”  ภายใต้สถานการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในภูมิภาค

ประเทศไทยในฐานะที่เป็นสมาชิกอาเซียนและเป็นส่วนหนึ่งของอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขงและมีความได้เปรียบทางภูมิศาสตร์ในการสร้างโอกาสที่จะเชื่อมโยงกับประเทศต่าง ๆ และเล็งเห็นถึงประโยชน์ที่ไทยควรใช้โอกาสจากการดำเนินยุทธศาสตร์ระหว่างประเทศมหาอำนาจในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง และทราบถึงผลกระทบทั้งด้านบวกและลบ เพื่อเพิ่มการดำเนินการด้านปฏิสัมพันธ์กับประเทศภายนอกและภายในภูมิภาคเพิ่มมากขึ้น การศึกษาถึงสถานการณ์การดำเนินยุทธศาสตร์ของประเทศมหาอำนาจ จึงเป็นประโยชน์ในการใช้ประกอบการตัดสินใจเพื่อดำเนินการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงแห่งชาติและผลประโยชน์ของชาติไทยและภูมิภาคต่อไป